Vacuole
"กงยี่ วัดไส วัดเด็ง" !!!
สวัสดีปีใหม่จีนกันแบบไหหลำ ละกันนะคร้าบ
ขอให้สุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพใจแจ่มใสทุกท่าน


เมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา เป็นวันจ่าย แต่ ณ บ้านสะพานควาย
ครอบครัวข้าพเจ้า ไม่ได้ไหว้ตรุษจีนกัน
ไหนๆวันนั้นจะได้ใช้เวลาอยู่รับใช้ท่านแม่ซะที ก็พากันไป จับจ่ายทางสายตา กันเพลินๆใกล้บ้านดีกว่า

ณ ซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้านที่ลูกค้าเนืองแน่น (ดีนะเนี่ยที่ไม่ได้มาซื้ออะไร)
ตามที่เราเห็นกันชินตาในห้างและซุปเปอร์ฯชั้นนำ มักจะมีเคาท์เตอร์ของขนมของร้านเบเกอร์รี่ระดับ(ทั่วประเทศ)ชาติ!ยี่ห้อหนึ่ง ประกอบควบคู่ด้วยเสมอ

สายตาข้าน้อยก็เหลือบไปเห็นก้อนขนมเค้กรูปหัวใจประดับด้วยเชอร์รี่ฉ่ำๆ นับสิบในแยมสีแดงบนหน้าเค้ก...ป้ายข้างล่างบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นเค้กวาเลนไทน์สำหรับคู่รัก..............

.....ด้วยจิตใจอันเพลิดเพลิน อยากรู้อยากเห็น ข้าน้อยกับท่านแม่ก็เอ่ยถามพนักงานสาวหน้าแฉล้ม "เค้กนี่เก็บได้กี่วันคะ?"
"เค้กมีอายุประมาณ 3 วันค่ะ", แม่นางคนนั้นตอบกลับมา
ท่านแม่: "นับจากวันนี้เหรอหนู?"
เธอตอบว่า "ใช่ค่ะเค้กเพิ่งทำวันนี้ค่ะ ใหม่สดทุกวันนะคะ"
ข้าน้อย: (ในใจคิดว่ามันแหม่งๆนะ วันนี้มันศุกร์ที่ 16แล้วนะเฟร้ย!

วาเลนไทน์มัน 14 กุมภา แม่นบ่??)

....คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวรวดเร็วดั่งโคโลนีราที่มันคอนฯในเพลทเลี้ยงเชื้อ...

  • เค้กที่มันขายไม่ออกเนี่ย ชะตากรรมมันจะพบจุดจบแบบไหนอ่ะ?...ตัวอะไรมันจะลาภปากได้กิน?
  • แล้วมันมีไอ้พวกอย่างงี้กี่ก้อน?
  • ไอ้ร้านขนมแห่งชาติเนี่ย เค้ามีกี่สาขากัน? (เปิดนับในเน็ตแล้วก็น่าจะประมาณ 150 ร้านทั่วประเทศ)

กว่าจะได้มาก้อนนึงไปวางขาย ต้องใช้แป้ง, นม, เนย, น้ำตาล, ไข่, ผลไม้, ไฟฟ้า, น้ำมัน, พลังงาน, รถขนส่ง, โรงงานผลิต, แรงงานคน, ฯลฯ ต้นทุนการผลิตวัตถุดิบแต่ละอย่าง ไหนจะต้นทุนสิ่งแวดล้อมอีกเท่าไหร่กันนะ

สมมติว่า มีเค้ก2 ปอนด์เหลือทิ้งร้านละ 3 ก้อนสัปดาห์ x 150สาขา x 50 สัปดาห์
คิดย้อนกลับไปถึงโคตรเหง้าที่มาของส่วนประกอบอื่นๆอีก ทวีคูณ ...

...นี่เพื่อที่จะมีขนม 1 ก้อนมาให้เราได้ซื้อไปกินเนี่ย มันต้องทำเค้กเผื่ออีก 2-3ก้อน ต้องปลูกข้าว อ้อย เชอรี่ เพื่อไอ้2-3ก้อนนั่นอีกเท่าไหร่ ทำไมคนเรามันต้องสร้าง human footprint เยอะขนาดนี้เนี่ย .......(บ่น บ่น บ่น)

...แค่เค้ก อีชั้นก็คิดเลยเถิดไปขนาดนี้แล้ว... อย่างอื่นอีกมาก รอบตัวเราไม่ต้องสาธยายก็นึกภาพได้ง่ายๆ
(จะซื้อ จะกิน จะใช้อะไร ก็ฝากไปจินตนาการให้ขัดลูกกระเดือกกันเล่นๆละกันนะ เหอเหอ)

ซึ้งเลยว่าถ้ากิน ถ้าอยู่ แค่อย่างพอเพียง จะทำให้รักษาต้นทุนทางเศรษฐกิจ, ธรรมชาติ, และทรัพยากรที่สังคมมนุษย์ต้องพึ่งพา ให้มียั่งยืนได้อีกมหาศาลเท่าไหร่
.
.
.
.
.


สุดท้าย...เอาวะ! นานๆที ...ข้าน้อยกะท่านแม่ก็ซื้อเอาไอ้เค้กหัวใจตกเทศกาลนั่นมา ไว้กินพร้อมหน้ากันตอนตรุษจีนนี้ก็โอเคเนอะ มันแดงดี ฮ่าฮ่า
4 Responses
  1. Anonymous Says:

    555 เค็กวาเลนไทน์ก้อนนี้ ทำให้สาวนักอนุรักษ์ตัวยงของเราคิดได้ไปไกลจริงๆ หุหุหุ

    สรุปแล้วมันอร่อยมั๊ยอ่ะแก หน้าตาเค้กน่ากินสุดๆอ่ะ

    เสียดายปีนี้ไม่ได้เต๊ะเอีย ตรุษจีนทั้งทีดันอยู่ไกลพ่อแม่ญาติพี่น้องยิ่งนัก..อยากได้ซองแดงๆ (ที่มีตังค์อยู่ข้างใน)จัง...


  2. padam Says:

    เปลืองจริงๆ กับการขายของเหมาเข่ง
    เสนอหน้าไปทั้งประเทศ ทั้งที่ไม่ได้ขอ
    (เขาอ้างว่าเพราะจากอุปทาน[demand]ที่คิดว่ามี)
    แต่ถ้าไม่คิดว่ามันเปลือง
    แสดงว่า อาหารมันมีเหลือเฟือ แล้วนี่ มหาศาล
    แล้วทำไม ยังมีคนขาดอาหารได้อีก
    ฤาเพราะโลกมันเอียง?


  3. Anonymous Says:

    เอิ๊ก เอิ๊ก ออกแนวการจัดการ lost sales costs มั่กๆ เครื่องมือเอาไปใช้ทางดีก็เกิดผลดี เอาไปใช้ทางร้ายก็เสียหายน่าตกใจ อีกหลายอย่างโดนจัดการแบบเค้กชิ้นนี้ เด็ดสุดๆเห็นจะเป็นที่อยู่ ทั้งการสร้างบ้านจัดสรรใส่ inventory stock ไว้รอคน มีบ้านไว้ตากอากาศซัก 2 หลัง หรือผุดโรงโรมไว้รอนักท่องเที่ยว อยู่บ้านไม่ได้อยู่โรงแรมอยู่โรงแรมไม่ได้อยู่บ้าน น่าตกใจที่โลกเรามีที่ว่างอยุ่เสมอ แต่ก็มีคนไร้ที่อยู่เพิ่มขึ้นเสมอ และป่าก็หายไปอยู่เสมอๆ

    หึหึ laissez-faire อะไรกันเนี่ย


  4. Anonymous Says:

    เรากำลังนึกถึงเรื่อง logistic
    ทางธุรกิจเค้าก็รู้ว่านี่มันเสียเปล่าไปเยอะ เค้าก็จะพยายามหาวิธีลดต้นทุน ทำยังไงให้ความต้องการมาบรรจบกับสินค้าได้พอดิบพอดี ไม่ขาดและไม่เกิน
    เป็นศาสตร์ของการบริหารข้อมูลที่ชี้ขาดทุนกำไรได้เลย

    เคยได้ยินว่ามีเบเกอรี่โรงแรมที่นึงจัดการกับของที่ใกล้หมดอายุจนเอาออกวางขายไม่ได้ด้วยการยกให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปกิน
    เราชอบไอเดียนี้แหะ อย่างน้อยก็ดีกว่าทิ้งไปเปล่า

    ตะก่อนเพลงป.ปลานั้นหายากฮิตออก เดี๋ยวนี้จะยังมีคนจำได้มั้ยน้า ^ ^